Monday, January 2, 2012

สาระน่ารู้เกี่ยวกับประเทศฝรั่งเศส




สาระทั่วไปเกี่ยวกับฝรั่งเศส
พื้นที่
ฝรั่งเศสมีพื้นที่ 550,000 ตารางกิโลเมตร นับเป็นประเทศที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในยุโรปตะวันตก (ประมาณเกือบหนึ่งในห้าของพื้นที่ของสหภาพยุโรป) อีกทั้งยังมีพื้นที่ชายฝั่งทะเลที่กินอาณาบริเวณกว้างขวาง (เขตเศรษฐกิจจำเพาะมีพื้นที่ทั้งสิ้น 11 ล้านตารางกิโลเมตร)
ภูมิประเทศ
พื้นที่ประมาณสองในสามของประเทศฝรั่งเศสเป็นที่ราบ เทือกเขาที่สำคัญได้แก่ เทือกเขาแอล์ปซึ่งมียอดเขาที่สูงที่สุดในยุโรป คือ ยอดเขามงต์บลองก์ (Mont-Blanc) สูง 4,807 เมตร เทือกเขาปิเรเนส์ เทือกเขาจูรา เทือกเขาอาร์แดนส์ เทือกเขามาสซิฟ ซองทราลและเทือกเขาโวจช์ ประเทศฝรั่งเศสมีชายฝั่งทะเลอยู่ถึง 4 ด้าน คิดเป็นความยาวรวมทั้งสิ้น 5,500 กิโลเมตร (ทะเลเหนือ ช่องแคบอังกฤษ มหาสมุทรแอตแลนติกและทะเลเมดิเตอร์เรเนียน)
ภูมิอากาศ
มี 3 แบบคือ
• แบบชายฝั่งทะเลตะวันตก (บริเวณตะวันตกของประเทศ)
• แบบเมดิเตอร์เรเนียน (ทางตอนใต้ของประเทศ)
• แบบภาคพื้นทวีป (ทางตอนกลางและภาคตะวันออกของประเทศ)
สภาพแวดล้อมทางธรรมชาติ
• พื้นที่เกษตรกรรมและทำป่าไม้มีประมาณ 48 ล้านเฮกตาร์ คิดเป็นร้อยละ 82 ของพื้นที่โดยรวมทั้งประเทศ (เฉพาะฝรั่งเศสส่วนภาคพื้นทวีป)
• พื้นที่ป่ามีประมาณร้อยละ 30 และนับว่ามีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 3 ของสหภาพยุโรปรองจากสวีเดนและฟินแลนด์ ตั้งแต่ปี 1945 พื้นที่ป่าเพิ่มขึ้นร้อยละ 46 และถ้าพูดถึงในช่วง 200 ปีที่ผ่านมา นับว่าเพิ่มขึ้นถึงเท่าตัว
• ฝรั่งเศสมีความแตกต่างไปจากประเทศอื่นๆในยุโรปเพราะมีพันธุ์ไม้มากถึง 136 ชนิด ในส่วนของสัตว์ใหญ่ก็เพิ่มจำนวนขึ้น ภายในช่วงระยะเวลา 20 ปี จำนวนของสัตว์ประเภทกวางเพิ่มขึ้นถึง 2-3 เท่า
ประเทศฝรั่งเศสให้ความสำคัญกับมรดกทางธรรมชาติและการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมทางธรรมชาติ จึงได้มีการจัดตั้ง- อุทยานแห่งชาติ 7 แห่ง- ป่าสงวน 156 แห่ง- เขตรักษาพันธุ์พืชและสัตว์ป่า 516 แห่ง- รวมทั้งประกาศให้พื้นที่อีก 429 แห่งเป็นเขตอนุรักษ์อยู่ภายใต้การดูแลของสถาบันอนุรักษ์ชายฝั่งทะเล- นอกจากนี้ยังมีอุทยานธรรมชาติตามภูมิภาคต่างๆ อีกกว่า 37 แห่งซึ่งกินพื้นที่กว่าร้อยละ 7 ของประเทศ
งบประมาณจำนวน 32 พันล้านยูโรได้รับการจัดสรรเพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อม และเมื่อคิดเป็นค่าใช้จ่ายต่อประชากรจะเท่ากับ 516 ยูโร ทั้งนี้ 3 ส่วน 4 ของเงินข้างต้นจะเป็นค่าใช้จ่ายในเรื่องของการบำบัดน้ำเสียและการจัดการของเสียต่างๆ
ในระดับนานาชาติ ฝรั่งเศสเป็นภาคีของสนธิสัญญาและอนุสัญญาทางด้านสิ่งแวดล้อมหลายฉบับ รวมทั้งอนุสัญญาของสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ความหลากหลายทางชีวภาพและการแปรสภาพเป็นทะเลทราย
ทราบข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.environnement.gouv.fr
ประชากร
ประชากรจำนวน 62.2 ล้านคน (ปี 2005) ความหนาแน่นของประชากร 96 คนต่อตารางกิโลเมตร เมืองมีประชากรมากกว่า 100,000 คนมีถึง 57 เมืองเมืองที่มีประชากรมากที่สุดห้าอันดับแรกคือ

ลำดับ เมือง
จำนวนประชากร
1 ปารีส 9.6 ล้านคน
2ลีลล์1.7 ล้านคน
3ลียง1.4 ล้านคน
4มาร์เซยย์1.3 ล้านคน
5ตูลูส1 ล้านคน

การแบ่งส่วนการปกครอง
สาธารณรัฐฝรั่งเศสประกอบด้วย
• ส่วนที่อยู่บนภาคพื้นทวีป (แบ่งเป็น 22 มณฑลและ 96 จังหวัด)
• จังหวัดโพ้นทะเล (DOM) 4 จังหวัดได้แก่ กัวเดอลูป มาร์ตินิก เฟรนช์เกียนาและลา เรอูนียง
• ดินแดนโพ้นทะเล (TOM) 5 แห่งได้แก่ เฟรนช์ โปลิเนเซีย, วาลลิสและฟูตูนา, มายอตต์, แซงต์-ปิแอร์-เอต์-มิเกอล็ง, เฟรนช์ เซาเทิร์นและแอนตาร์กติก แทร์ริทอร์รีส์
• ดินแดนที่มีสถานภาพพิเศษอีก 1 แห่งคือ นิวแคลิโดเนีย
ทราบข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.outre-mer.gouv.fr
จนกระทั่งถึงวันที่ 1 มกราคม 2005 ประชากรของฝรั่งเศสมีทั้งสิ้น 62 ล้านคนซึ่งคิดเป็นจำนวนมากกว่าร้อยละ 13 ของประชากรทั้งหมดของสหภาพยุโรป ในปี 2004 ชายฝรั่งเศสมีอายุเฉลี่ย 76.7 ปี และหญิงมีอายุเฉลี่ย 83.8 ปี ตั้งแต่ปี 2004 เพศชายมีอายุยืนยาวขึ้น 2 ปี และเพศผู้หญิงมีอายุยืนยาวขึ้น 1 ปี

ประชากร
สถิติทางด้านประชากรศาสตร์
จำนวนเด็กที่เกิด 797,400 คนอัตราเจริญพันธุ์เท่ากับ เด็ก 1.91 คนต่อหญิง 1 คนอัตราการเกิด
ร้อยละ 12.8
จำนวนคนตาย 518,000 คนอัตราการตาย ร้อยละ 8,3
จำนวนคู่สมรส 266,300 คู่นับแต่ต้นทศวรรษที่ 90 เป็นต้นมา จำนวนคู่สมรสได้ลดน้อยลง ในขณะที่จำนวนของผู้ที่ใช้ชีวิตร่วมกันโดยไม่มีการสมรสกลับเพิ่มจาก 1.5 ล้านคู่เป็น 2.4 ล้านคู่ในปี 1990 จำนวนคู่ที่ใช้ชีวิตร่วมกันโดยไม่ได้สมรสคิดเป็น 1 ใน 6 ของคู่ที่ใช้ชีวิตร่วมกันทั้งหมด (ทั้งที่สมรสและไม่ได้สมรส)
การหย่าร้าง 127,643 คู่

ลักษณะทางครัวเรือน
คู่สามีภรรยาพร้อมบุตรคิดเป็นร้อยละ 32ครัวเรือนที่มีประชากรอยู่คนเดียวคิดเป็นร้อยละ 31.4คู่สามีภรรยาที่ยังไม่มีบุตรคิดเป็นร้อยละ 27.6ครอบครัวที่มีเพียงบิดาหรือมารดาเลี้ยงดูบุตรตามลำพังคิดเป็นร้อยละ 7.1ครัวเรือนที่มิได้จัดอยู่ในประเภทข้างต้นคิดเป็นร้อยละ 1.9

ประชากรตามหมวดอายุ
อายุระหว่าง 20-59 ปีร้อยละ 54.3อายุต่ำกว่า 20 ปีร้อยละ 25.1อายุ 60 ปีและมากกว่าร้อยละ 20.6อายุเฉลี่ยของประชากร 39.2 ปี
ทราบข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.insee.fr

ศาสนา
สาธารณรัฐฝรั่งเศสมิใช่รัฐทางศาสนา ประชากรทุกคนสามารถเลือกนับถือศาสนาใดก็ได้อย่างเสรี

การศึกษา
ในปี 2004 ค่าใช้จ่ายด้านการศึกษาเพิ่มสูงขึ้นถึง 111.3 พันล้านยูโร เท่ากับร้อยละ 7.1 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ และร้อยละ 37.8 ของงบประมาณทั้งหมด หากคิดเป็นค่าใช้จ่ายต่อประชากรจะเท่ากับ 1,810 ยูโร หรือ 6,600 ยูโรต่อนักเรียน 1 คน
8 ระดับอนุบาล ประถมศึกษาและมัธยมศึกษา
นักเรียน12,133,000คน
ครูผู้สอน894,000คน
โรงเรียน68,590แห่ง
อัตราส่วนครูต่อนักเรียนเท่ากับ 1/13.6อัตราการสอบผ่านระดับมัธยมศึกษา (ปี 2004) ร้อยละ 79.7
8 ระดับอุดมศึกษา นิสิต นักศึกษา2,268,251คน
อาจารย์88,000คน
มหาวิทยาลัย83แห่ง
สถาบันศึกษาชั้นสูง3,600แห่ง
อัตราส่วนอาจารย์ต่อนักศึกษาเท่ากับ 1 /25.7
ทราบข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.education.gouv.fr
ประชากรในวัยทำงาน
ฝรั่งเศสมีประชากรในวัยทำงานประมาณ 27.5 ล้านคน ซึ่งในจำนวนนี้ เป็นผู้ที่มีงานทำ 24.7 ล้านคนและผู้ที่กำลังอยู่ในระหว่างการหางาน 2.73 ล้านคน คิดเป็นร้อยละ 9.9 ของประชากรวัยทำงาน (มกราคม 2004) และร้อยละ 74.9 เป็นประชากรวัยทำงานเพศชาย สำหรับเพศหญิงร้อยละ 63.8

สถานภาพการทำงาน
ร้อยละ 28.8ลูกจ้างจำนวน 7,809,000 คน
ร้อยละ 24.8กรรมกรจำนวน 7,062,000 คน
ร้อยละ 23.3พนักงานระดับกลางจำนวน 5,763,000 คน
ร้อยละ 14.4ผู้บริหารและนักวิชาการจำนวน 3,700,000 คน
ร้อยละ 5.9ช่างฝีมือ พ่อค้า เจ้าของกิจการจำนวน 1,500,000 คน
ร้อยละ 2.8เกษตรกรและคนงานในภาคการเกษตรจำนวน 642,000 คน

มาตรฐานการครองชีพ
รายได้เฉลี่ยสุทธิต่อปีเท่ากับ 21,735 ยูโรเงินออมเฉลี่ยต่อครัวเรือนเท่ากับ 1,900 ยูโร คิดเป็นร้อยละ 15.4 ของรายได้สุทธิ
ค่าใช้จ่ายของครัวเรือน
ร้อยละ 24.5ที่อยู่อาศัย ไฟฟ้าและเครื่องทำความร้อน
ร้อยละ 17.7อาหาร เครื่องดื่มและยาสูบ
ร้อยละ 17.6ค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับยานพาหนะและค่าบริการสื่อสาร
ร้อยละ 9.4ค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการใช้เวลาว่างและกิจกรรมทางวัฒนธรรม
ร้อยละ 5.9อุปกรณ์เครื่องใช้และค่าทำนุบำรุงที่อยู่อาศัย
ร้อยละ 5เครื่องนุ่งห่ม
ร้อยละ 3.4ค่ารักษาพยาบาลและยา
ร้อยละ 16.5ค่าใช้จ่ายหมวดบริการและเบ็ดเตล็ด (ภัตตาคาร เดินทางท่องเที่ยว …)

รายได้ต่อเดือน
รายได้ขั้นต่ำต่อเดือน (ยังไม่ได้หักภาษี) ณ วันที่ 1 กรกฎาคม 2005 เท่ากับ 1,090.48 ยูโร (ทำงาน 35 ชั่วโมงต่อสัปดาห์) หรือเท่ากับ 7.19 ยูโรต่อชั่วโมง
รายได้เฉลี่ยต่อปีของครัวเรือน
อาชีพอิสระ70,126 ยูโร
ผู้บริหาร42,928 ยูโร
ช่างเทคนิคและผู้ควบคุมงาน22,143 ยูโร
เกษตรกรและคนงานในภาคการเกษตร21,114 ยูโร
อาชีพอื่นๆที่อยู่ในระดับกลาง20,000 ยูโร
แรงงานที่มีทักษะ15,906 ยูโร
ลูกจ้าง15,327 ยูโร
การลาพักผ่อน
ตามกฎหมาย ชาวฝรั่งเศสสามารถลาพักผ่อนได้ 5 อาทิตย์ต่อปี และร้อยละ 69 ของชาวฝรั่งเศสจะเดินทางท่องเที่ยวไปยังที่ต่างๆ ในระหว่างการลาพัก
สหภาพแรงงาน
ชาวฝรั่งเศสประมาณ 2 ล้านคนเป็นสมาชิกสหภาพแรงงาน ซึ่งคิดเป็นร้อยละ 8 ของประชากรในวัยทำงานและนับเป็นอัตราส่วนที่ต่ำที่สุดในในสหภาพยุโรป
สหภาพแรงงานที่สำคัญๆ ได้แก่ CGT (Confédération générale du travail), CFDT (Confédération démocratique du travail), FO (Force ouvrière), CFTC (Confédération française des travailleurs chrétiens) และ FSU (Fédération syndicale unitaire)
การประกันสังคม
ระบบประกันสังคมของฝรั่งเศส (หรือที่เรียกว่า la Sécurité Sociale) เริ่มขึ้นในปี 1945 โดยอยู่บนหลักการของการมีส่วนร่วมของทุกฝ่ายในการส่งเงินเข้าสมทบกองทุน (สิทธิประโยชน์ที่ได้รับมาจากเงินที่สมทบเข้ากองทุนในแต่ละเดือนของผู้ทำงาน)
ค่าใช้จ่ายในระบบประกันสังคมคิดเป็นร้อยละ 10.1 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ ทั้งนี้เงินอุดหนุนระบบหลักของกองทุนประกันสังคม ร้อยละ 67 มาจากเงินที่นายจ้างและลูกจ้างจ่ายสมทบและอีกร้อยละ 20 มาจากภาษีอื่นๆ ที่เก็บจากรายได้อันมิได้มาจากการทำงาน เช่น ภาษี Contribution sociale généralisée ที่จัดเก็บเพื่อนำเข้ากองทุนประกันสังคมโดยเฉพาะ ส่วนเงินอุดหนุนจากภาครัฐมีเพียงร้อยละ 13 ของกองทุน สิทธิประโยชน์ต่างๆของระบบประกันสังคมมีทั้งในรูปของเงินบำนาญของผู้เกษียนอายุ (ร้อยละ 49.2) ค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวกับสุขภาพ (ร้อยละ 27.2) ค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวกับครอบครัว (ร้อยละ 12.8) และค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวเนื่องกับการประกอบอาชีพ เช่น การชดเชยการว่างงาน การอบรมวิชาชีพ การปรับตัวให้เข้ากับสภาพสังคม (ร้อยละ 8.4)
ด้วยเหตุที่สัดส่วนของผู้เกษียณมีแต่จะเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับผู้ที่อยู่ในวัยทำงาน รวมทั้งความก้าวหน้าทางการแพทย์และอายุของประชากรที่ยืนยาวมากขึ้น มีผลทำให้การเงินในระบบหลักของกองทุนประกันสังคมต้องติดลบและผลักดันให้มีการปฏิรูประบบการประกันสังคมสำหรับผู้สูงอายุในปี 2003
ทราบข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.travail.gouv.fr
สุขภาพ
ปัญหาสุขภาพถือเป็นสิ่งที่ชาวฝรั่งเศสให้ความสำคัญเป็นอันดับแรก ชาวฝรั่งเศสใช้จ่ายเงินสำหรับการดูแลรักษาสุขภาพในปี 2004 เป็นจำนวนเงิน 144 พันล้านยูโร กองทุนของระบบประกันสังคม (la Sécurité Sociale) สนับสนุนด้านการเงินเพียงร้อยละ 75.8 ของค่าใช้จ่ายทั้งหมด ดังนั้นส่วนที่แต่ละครัวเรือนและบริษัทประกันภัยต้องรับผิดชอบมีแต่จะเพิ่มขึ้น การปฏิรูปเริ่มปี 2004 ทำให้เกิดความสมดุลย์มากขึ้น
ทราบข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.sante.gouv.fr


ทราบข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.insee.fr

สถาบันการเมืองการปกครอง
รัฐธรรมนูญฉบับวันที่ 4 ตุลาคม 1958 ได้ระบุบทบาทหน้าที่ของสถาบันต่างๆของสาธารณรัฐที่ 5 ไว้ ทั้งนี้ได้มีการแก้ไขรายละเอียดบางส่วนของรัฐธรรรมนูญดังกล่าวหลายครั้ง เช่น การให้มีการเลือกตั้งประธานาธิบดีโดยตรง (1962) การเพิ่มเติมรายละเอียดเกี่ยวกับการรับโทษทางอาญาของรัฐมนตรี (1993) การให้มีการประชุมสภาเพียงสมัยเดียว การขยายขอบข่ายที่จะให้มีการออกเสียงประชามติ (1995) การกำหนดบทเฉพาะกาลเกี่ยวกับสถานภาพของนิวแคลีโดเนีย (1998) การจัดตั้งสหภาพเศรษฐกิจและเงินตรา การให้หญิงและชายมีสิทธิเท่าเทียมกันสำหรับการอยู่ในวาระเลือกตั้งและการดำรงตำแหน่งที่มาจากการเลือกตั้ง การยอมรับขอบข่ายอำนาจของศาลอาญาระหว่างประเทศ (1999) การลดระยะเวลาดำรงตำแหน่งของประธานาธิบดี (2000)


ศาลรัฐธรรมนูญ

ประกอบด้วยตุลาการ 9 คน มีหน้าที่ดูแลการเลือกตั้งให้ดำเนินไปอย่างบริสุทธิ์ยุติธรรมและดูแลความชอบด้วยรัฐธรรมนูญของกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญและกฎหมายอื่นๆ

ทราบข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.conseil-constitutionnel.fr


ประธานาธิบดี

ประธานาธิบดีซึ่งเป็นตำแหน่งประมุขของสาธารณรัฐฝรั่งเศสได้มาจากการเลือกตั้งทั่วไปโดยตรง โดยมีวาระการดำรงตำแหน่ง 5 ปี (ตามประชามติเมื่อวันที่ 24 กันยายน 2000)

นายนิโกลาส์ ซาร์โกซี ประธานาธิบดีคนปัจจุบัน ได้รับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีเป็นวาระแรกเมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม 2550 นับเป็นประธานาธิบดีคนที่ 6 ของสาธารณรัฐที่ 5 ของประเทศฝรั่งเศส


ประธานาธิบดีเป็นผู้แต่งตั้งนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐบาลซึ่งนายกรัฐมนตรีเป็นผู้เสนอรายชื่อ (มาตรา 8 ของรัฐธรรมนูญ)

ประธานาธิบดีเป็นประธานในการประชุมคณะรัฐมนตรี ประกาศใช้กฎหมาย เป็นผู้นำของทุกเหล่าทัพและสามารถประกาศยุบสภา ในกรณีเกิดวิกฤตการณ์ร้ายแรงสามารถใช้อำนาจพิเศษตามมาตรา 16

ทราบข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.elysee.fr


นายกรัฐมนตรีและคณะรัฐบาล

ภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรี รัฐบาลเป็นผู้กำหนดนโยบายของประเทศและเป็นผู้บริหารราชการแผ่นดินตามแนวนโยบายดังกล่าว นายกรัฐมนตรีจะต้องรับผิดชอบต่อรัฐสภา (มาตรา 20)

นายกรัฐมนตรีเป็นผู้กำกับดูแลกิจการต่างๆของรัฐบาลและดูแลการบังคับใช้กฎหมายต่างๆ (มาตรา 21)


นายกรัฐมนตรีคนปัจจุบันคือ นายฟรองซัวส์ ฟียง ได้รับการแต่งตั้งเมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม 2550

ทราบข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.premier-ministre.gouv.fr


รัฐสภา

ประกอบด้วยวุฒิสภาและสภาผู้แทนราษฎร
- วุฒิสภามาจากการเลือกตั้งทั่วไปโดยอ้อม สมาชิกวุฒิสภามีวาระดำรงตำแหน่งคราวละ 6 ปี (เปลี่ยนแปลงตั้งแต่ปี 2003 ในอดีตวาระยาวถึง 9 ปี) โดยมีการเลือกตั้งหนึ่งในสามของจำนวนสมาชิกทั้งหมดใหม่ทุก 3 ปี การเลือกตั้งครั้งล่าสุดมีขึ้นเมื่อเดือนกันยายน 2004
- สภาผู้แทนราษฎรมาจากการเลือกตั้งทั่วไปโดยตรง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรมีวาระดำรงตำแหน่งคราวละ 5 ปี การเลือกตั้งครั้งล่าสุดมีขึ้นเมื่อเดือนมิถุนายน 2002

นอกเหนือจากการควบคุมการปฏิบัติงานของรัฐบาลแล้ว สภาทั้งสองยังมีหน้าที่พิจารณาร่างและลงมติกฎหมายต่าง ๆ ในกรณีที่ทั้งสองสภามีความเห็นแย้งกัน ให้ยืนตามมติของสภาผู้แทนราษฎร


วุฒิสภา

การเลือกตั้งวุฒิสมาชิกครั้งล่าสุดมีขึ้นเมื่อเดือนกันยายน 2004 สมาชิกทั้งหมด 331 คนมาจากกลุ่มการเมืองต่างๆ ดังนี้
กลุ่ม Union pour un Mouvement Populaire 155คน
กลุ่มสังคมนิยม 97 คน
กลุ่ม Union centriste 33 คน
กลุ่ม communiste, républicain et citoyen 23 คน
กลุ่ม Rassemblement démocratique et social européen 16 คน
ไม่สังกัดกลุ่ม7คน

ทราบข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.senat.fr

สภาผู้แทนราษฎร

การเลือกตั้งผู้แทนราษฎรครั้งล่าสุดมีขึ้นเมื่อวันที่ 9 และ 16 มิถุนายน 2002 ผู้แทนราษฎรทั้งหมด 577 คนมาจากกลุ่มการเมืองต่างๆดังนี้
กลุ่ม Union pour un Mouvement Populaire 354 คน (รวมผู้ที่มีแนวคิดไปในทางเดียวกันอีก 10 คน)
กลุ่มสังคมนิยม 142 คน (รวมผู้ที่มีแนวคิดไปในทางเดียวกันอีก 8 คน)
กลุ่ม Union pour la Démocratie Française 27 คน (รวมผู้ที่มีแนวคิดไปในทางเดียวกันอีก 3 คน)
กลุ่ม députés communistes et républicains 22 คน
ไม่สังกัดกลุ่มการเมืองใดๆ 11 คน

ทราบข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.assemblee-nationale.fr


ฝ่ายตุลาการ

โครงสร้างขององค์กรในกระบวนการยุติธรรมของประเทศฝรั่งเศสซึ่งถือเป็นผู้ปกปักษ์รักษาเสรีภาพส่วนบุคคล (มาตรา 66 แห่งรัฐธรรมนูญ) แบ่งออกเป็นศาลยุติธรรมที่พิจารณาข้อพิพาทระหว่างประชาชนด้วยกันเองและศาลปกครองที่พิจารณาข้อพิพาทระหว่างประชาชนและอำนาจรัฐ

ในส่วนของศาลยุติธรรม ยังแบ่งความรับผิดชอบเขตอำนาจศาลออกเป็น 2 ลักษณะดังนี้
เขตอำนาจศาลที่พิจารณาคดีทางแพ่งซึ่งจะครอบคลุมคดีความเกี่ยวกับกฎหมายทั่วๆไป อยู่ในความรับผิดชอบของศาลจังหวัด (Tribunal de Grande Instance) หรือศาลชำนัญพิเศษซึ่งประกอบด้วยศาลแขวง (Tribunal d’Instance) ศาลพาณิชย์ (Tribunal de Commerce) ศาลพิจารณาคดีความเกี่ยวกับการประกันสังคม (Tribunal des affaires de sécurité) และศาลแรงงานที่พิจารณาข้อพิพาทระหว่างนายจ้างและลูกจ้าง (Conseil des prud’hommes qui règle les litiges entre salariés et emplyeurs)

เขตอำนาจศาลที่พิจารณาคดีอาญา แบ่งความรับผิดชอบของศาลตามลักษณะความผิด 3 ประเภทดังนี้- ความผิดที่มีโทษเปรียบเทียบปรับ เป็นหน้าที่ของศาลแขวง (Tribunal de Police) - ความผิดทางอาญาที่มีโทษเบาเป็นหน้าที่ของศาลอาญา (Tribunal correctionnel) - ความผิดทางอาญาประเภทร้ายแรงอยู่ในความดูแลของศาลอาญา (Cour d’assises) ศาลอาญาประเภทนี้ใช้ระบบลูกขุนและคำพิพากษาถือเป็นที่สุด ไม่สามารถอุทธรณ์ได้

นอกจากนี้ ยังมีศาลคดีเด็กและเยาวชน (Tribunal pour Enfants) ซึ่งถือเป็นเขตอำนาจศาลที่แตกต่างจากที่กล่าวมาเนื่องจากจะรับพิจารณาเฉพาะคดีแพ่งและอาญาสำหรับเด็กและเยาวชน

ศาลฎีกา (Tribunal de Cassation) เป็นกระบวนการยุติธรรมชั้นสูงสุด รับผิดชอบการพิจารณาตรวจสอบข้อกฎหมายของอรรถคดีที่ยื่นอุทธรณ์คำพิพากษาของศาลอุทธรณ์

สำหรับคดีความระหว่างหน่วยงานของรัฐและประชาชน เขตอำนาจศาลสูงสุดคือศาลปกครอง (Conseil d’Etat) ซึ่งจะพิจารณาพิพากษาความชอบด้วยกฎหมายของนิติกรรมทางการปกครองและกฎระเบียบต่างๆ ที่ออกโดยฝ่ายปกครอง คำพิพากษาของศาลปกครองถือเป็นที่สุด นอกจากนี้ศาลปกครองยังเป็นผู้พิจารณาร่างกฎหมายหรือกฎษฎีกาบางฉบับที่รัฐบาลส่งเรื่องมาเพื่อขอทราบความเห็น

ทราบข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.justice.gouv.fr และ www.conseil-etat.fr


เพลงชาติและคำขวัญ

ลา มาร์เซยแยส (La Marseillaise) เป็นเพลงชาติของฝรั่งเศสมาตั้งแต่วันที่ 14 กรกฎาคม 1795 แต่เดิมเพลงนี้มีชื่อว่า Chant de guerre pour l’armée du Rhin ซึ่งประพันธ์ขึ้นที่เมืองสตราสบูรก์เมื่อปี 1792

La Marseillaise
Allons, enfants de la Patrie, Le jour de gloire est arrive, Contre nous de la tyrannie L'etendard sanglant est leve, L'etendard sanglant est leve.
Entendez-vous, dans le campagnes, Mugir ces feroces soldats? Ils viennent jusque dans nos bras, Egorger nos fils, nos compagnes.
Aux armes, citoyens! Formez vos bataillons! Marchons! Marchons! Qu'un sang impur abreuve nos sillons
เชิญฟังเพลงชาติฝรั่งเศส
www.marseillaise.org/english/audio.html
คำขวัญของสาธารณรัฐฝรั่งเศสคือเสรีภาพ เสมอภาคและภราดรภาพ


ธงชาติของฝรั่งเศส

แต่เดิมสีน้ำเงินแดงเป็นสัญลักษณ์ของกองกำลังรักษากรุงปารีส ต่อมาในปี 1789 นายพลลาฟาแยตต์เพิ่มสีขาวอันเป็นสัญลักษณ์ของสถาบันกษัตริย์ นับแต่นั้นมาสีน้ำเงินขาวแดงจึงเป็นสีของธงชาติและกลายเป็นสัญลักษณ์ของสาธารณรัฐฝรั่งเศส



การป้องกันประเทศ

ในปีค.ศ. 2005 งบประมาณป้องกันประเทศมีจำนวน 32,92 พันล้านยูโร คิดเป็นร้อยละ 1.94 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศและร้อยละ 11.41 ของงบประมาณโดยรวม

ตามความประสงค์ของอดีตประธานาธิบดีฌาคส์ ชีรัคและคณะรัฐบาลที่จะเสริมสร้างความแข็งแกร่งในการป้องกันประเทศให้เหมาะสมกับความจำเป็น บัญญัติเกี่ยวกับโครงการทางการทหารช่วงปีค.ศ. 2003-2008 เป็นตัวกำหนดงบประมาณและจำนวนบุคลากรสังกัดเหล่าทัพ และมีมาตราการต่างๆ เพื่อการปรับปรุงการป้องกันประเทศให้เหมาะสมกับปัญหาปัจจุบันดังต่อไปนี้
เสริมสร้างการปราบปรามการก่อการร้ายให้แข็งแกร่ง
ส่งเสริมนโยบายการต่อต้านการใช้พลังงานนิวเคลียร์
ร่วมในการป้องกันและแก้ไขวิกฤต (นายทหารจำนวน 15-20,000 นายร่วมในแผนการดำเนินการ)
ยืนยันพันธกรณีของฝรั่งเศสในการเข้าร่วมกองกำลังทหารร่วมของยุโรปและนาโต้
ในปี 2005 บุคลากรสังกัดเหล่าทัพต่างๆ ของฝรั่งเศสทั้งทหารและพลเรือนมีจำนวนทั้งสิ้น 436,910 คนและขึ้นอยู่กับกองทัพต่างๆ ดังนี้
กองทัพบก 162,521 คน
กองทัพอากาศ 68,610 คน
กองทัพเรือ 53,460 คน
ตำรวจสังกัดกระทรวงกลาโหม 100,721 คน
48,598 คนกระจายอยู่ในหน่วยสนับสนุน (อาทิเช่น หน่วยงานด้านสุขภาพ หน่วยงานบรรเทาทุกข์ ฯลฯ)

ทราบข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.defense.gouv.fr

No comments: